ในช่วงสถานะการ COVID-19 หลายบริษัทหรือหลายหน่วยงานเลือกที่จะใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางในการประชุม เรามีคำแนะนำดีๆ ในการเตรียมความพร้อมก่อนถึงวันสำคัญของคุณมาแนะนำ

1. เตรียมอินเทอร์เน็ตของคุณให้พร้อม

สิ่งแรกที่ผู้ประชุมออนไลน์จะต้องเช็ค คือ คุณมีอินเทอร์เน็ตที่ใช้งานได้ต่อเนื่องไม่กระตุกหรือไม่ ในระหว่างที่คุณกำลังประชุมจะได้มีสมาธิอยู่กับการประชุมได้อย่างเต็มที่ และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องอินเทอร์เน็ต

www.speedtest.net เว็บไซต์ตรวจสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตของ The Global Standard in Internet Metrics เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม จะทำการวัดความเร็วของอินเทอร์เน็ตให้ทันที เรียกได้ว่าง่ายและสะดวกมากๆ

   

ซึ่งจะมีการวัดออกมาเป็นค่าความเร็วจากการ Download, Upload รวมทั้งค่า Ping ซึ่งอธิบายได้ ดังนี้

Download ความเร็วในการรับข้อมูล ค่า Download มีมาก แปลว่าสามารถรับข้อมูลได้ครั้งละมากๆ ถ้ามีค่ามากก็ยิ่งโหลดได้เร็ว

Upload ความเร็วในการส่งข้อมูล ยิ่งมีค่ามากเท่าไหร่ แปลว่าในแต่ละวินาที คุณสามารถส่งข้อมูลได้มาก ยิ่งมีค่ามากยิ่งส่งได้เร็ว

Ping เป็นค่าเวลาซึ่งใช้ในการจัดส่งข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณไปยัง Server และรวมเวลาที่ตอบกลับมา ถ้าค่านี้มีค่าน้อยก็จะยิ่งดี เนื่องจากแสดงให้เห็นว่า Server ส่งข้อมูลกลับมาหาคุณได้เร็ว ยิ่งใช้เวลาน้อยมากในการติดต่อสื่อสารกันในแต่ละครั้ง ก็แสดงว่าเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของคุณมีประสิทธิภาพดีนั้นเอง

เมื่อรู้จักกับความเร็ว Upload, Download กันไปแล้ว ขั้นตอนต่อมาที่จะช่วยให้คุณสามารถประชุมออนไลน์ได้อย่างลื่นไหล ไม่สะดุด ก็คือการเตรียมความพร้อมของสิ่งต่างๆ เพื่อให้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ดีที่สุด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การเลือกความเร็ว Upload, Download ที่เหมาะสมกับการประชุมออนไลน์แต่ละประเภทนั่นเอง

ข้อมูลจากเว็บไซต์ FitSmallBusiness ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่อธิบายเกี่ยวกับการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต ระบุว่า คุณภาพวิดีโอของการสนทนาแบบ 1 ต่อ 1 ผ่าน Application นั้น จำเป็นต้องใช้ความเร็ว Upload อยู่ที่ 500Kbps แต่หากต้องการสนทนามากกว่านั้น ก็ต้องใช้ความเร็วที่ 1Mbps แทน ยกตัวอย่างเช่น Skype ซึ่งเป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสารที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แนะนำความเร็วเน็ตสำหรับการสนทนาแบบ 1 ต่อ 1 และการใช้งานแชร์หน้าจอไว้อยู่ที่ 300Kbps สำหรับ Upload และ 300Kbps สำหรับ Download  แต่หากคุณต้องการวิดีโอคอลที่ภาพคมชัดแบบ HD ก็จะต้องใช้ความเร็วที่ 1.5Mbps หรือหากคุณมีครอบครัวใหญ่ ต้องการสนทนาพร้อมกันมากกว่า 5 คน ก็อาจจะต้องใช้ความเร็วเน็ตเพิ่มขึ้นเป็น 4Mbps สำหรับ Download และ 512Kbps สำหรับ Upload

จำนวนคน ความเร็วเน็ตขั้นต่ำ Download/Upload
1 คน 300Kbps/300Kbps
1 คน (คุณภาพสูง) 500kbps / 500kbps
1 คน (HD) 1.5Mbps / 1.5Mbps
3 คน 2Mbps / 512kbps
5 คน 4Mbps / 512kbps
7 คน + 8Mbps / 512kbps

อัปเดตราคาอินเทอร์เน็ตบ้านจากผู้ให้บริการ

ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซต์: https://www.iphonemod.net/fiber-to-home-internet-thailand-mar-2019-pricing.html

การรับชม สำหรับความเร็ว Download ในการรับชมที่แนะนำคือ 2Mbps เป็นอย่างน้อย โดยข้อมูลจากเว็บ Lifewire ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อกำหนดความเร็วอินเทอร์เน็ตสำหรับการสตรีมวิดีโอ อธิบายไว้ว่า หากคุณต้องการรับชมวิดีโอที่มีคุณภาพสูงขึ้น ความเร็ว Download ก็จะต้องเพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่ง ความเร็วเน็ตที่แนะนำสำหรับการรับชม มีดังต่อไปนี้

– ความเร็ว 2Mbps – 3Mbps สำหรับภาพคมชัดระดับมาตรฐาน

– ความเร็ว 4Mbps – 8Mbps สำหรับภาพคมชัดมากขึ้นระดับ HD (ความละเอียด 720 pixel หรือ 1080 pixel)

– ความเร็ว 15Mbps – 25Mbps สำหรับภาพระดับ 4K Ultra HD

การถ่ายทอดสด จำเป็นต้องใช้กล้อง และไมโครโฟนที่มีคุณภาพ ราคาเริ่มต้นน้อยมาก หลักร้อยบาทก็ได้คุณภาพที่ดีแล้ว รวมถึงอินเทอร์เน็ตที่มีความเสถียร เพื่อให้การถ่ายทอดสดนั้นดำเนินต่อเนื่องได้อย่างราบรื่น ทำให้ความเร็ว Upload มีความจำเป็นมากขึ้น คุณจึงควรเลือกเน็ตบ้านที่มีความเร็ว Upload อย่างน้อย 2.5Mbps นอกจากนี้เว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ ยังต้องการความเร็ว Upload ไม่เท่ากัน ตัวอย่างเช่น หากต้องการถ่ายทอดสดบน Facebook ในระดับ HD (720 pixel ขึ้นไป) จะต้องมีความเร็ว Upload อย่างน้อย 4Mbps เว็บไซต์ Boxcast ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสตรีมมิ่งแบบสดได้ให้ข้อมูลว่า “เราต้องใช้ความเร็ว Upload 3Mbps สำหรับความละเอียด 480 pixel ความเร็ว 6Mbps สำหรับความละเอียด 720 pixel และความเร็ว 13Mbps สำหรับความละเอียด 1080 pixel”

2. เลือกโปรแกรมสำหรับการประชุม

เมื่อเรามีความรู้เกี่ยวกับการเลือกอินเทอร์เน็ตแล้ว คราวนี้ก่อนเราจะเริ่มเลือกแอปพลิเคชั่นที่เหมาะกับเรา ด้านล่างนี้คือความต้องการทั่วๆ ไป ของโปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นที่ใช้ประชุมออนไลน์

– Client คอมพิวเตอร์ที่มีกล้อง + Microphone หรือ iPad, iPhone, Android ใช้ในการสนทนา

– Internet ความเร็วสูงที่สามารถรองรับสัญญาณภาพและเสียง

– E-mail ของผู้เข้าร่วมประชุม เพื่อใช้ล็อกอินเข้าสู่ระบบ

– Browser ที่รองรับ Internet Explorer v.7 ขึ้นไป Mozilla Firefox, Google Chrome

– ต้องมี User & Password สำหรับเข้าใช้งานหากไม่มีให้ทำการสมัครและจะได้รับ Email ตอบกลับเพื่อให้สามารถเข้าระบบ

ซึ่งนอกจากความต้องการทั่วๆ แต่ละแอปพลิเคชั่นก็จะมีความสามารถและความต้องการอื่นๆต่างกันไปดังนี้

โปรแกรม WebEx
Link สำหรับติดตั้งโปรแกรม: https://www.webex.com/downloads.html/

WebEx เป็นโปรแกรมที่มีขั้นตอนการใช้งานที่ง่ายและประหยัดเวลา ใช้งานบนเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม หรือหากต้องการติดตั้งโปรแกรมก็สามารถติดตั้งได้บนหลายอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ Windows และ Mac หรือสมาร์ทโฟน iPhone iPad และ Android สามารถนำโปรแกรมนี้มาประยุกต์ใช้งานในการประชุมทางไกล หรือการเรียนการสอนผ่านอินเตอร์เน็ต สามารถที่จะนัดหมายการประชุมได้ล่วงหน้า เป็นการสื่อสารแบบ Real-time ที่รองรับได้ทั้งภาพวีดีโอ เสียง รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูล ทำงานร่วมกับ Applications ต่างๆ ได้อย่างมากมาย โดยจะมีผู้ควบคุมการประชุม ทำการสร้างห้องสนทนา และส่ง Email เชิญผู้เข้าร่วมประชุม ตัวโปรแกรมสามารถระบุวันเวลาเข้าร่วมการประชุม และระบุ Meeting Number และ Password สำหรับเข้าร่วมประชุมได้

โปรแกรม Zoom
Link สำหรับติดตั้งโปรแกรม: https://zoom.us/download

โปรแกรม Zoom เป็นซอฟต์แวร์การประชุมผ่านระบบคลาวด์ที่ออกแบบมาสำหรับการประชุม การคุยงาน การอบรมสัมมนา สามารถรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้ถึง 100 คน ผู้ควบคุมห้องประชุมสามารถควบคุมเสียง วิดีโอ และการแชร์หน้าจอของผู้ร่วมประชุมได้ทำให้การประชุมมีความยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนี้ระหว่างการประชุมยังสามารถบันทึกวีดีโอไปพร้อมกันได้ ตั้งเวลาการนัดประชุมล่วงหน้าได้ ใช้งานง่ายมาก มีระบบ Virtual Background เปลี่ยนฉากหลังของวิดีโอผู้เข้าร่วมประชุมได้ มีระบบ Whiteboard ทดแทนกระดานที่ใช้ในการประชุม และยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติมในการแชร์หน้าจอและทำไฮไลท์ได้อีกด้วย

โปรแกรม Microsoft Team
Link สำหรับติดตั้งโปรแกรม: https://products.office.com/th-th/microsoft-teams/download-app

Microsoft Teams เป็นโปรแกรมการทำงานร่วมกันรูปแบบใหม่ที่ช่วยให้การประชุมของคุณมีระเบียบมากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ระดับองค์กร ที่โดดเด่นในเรื่องของการทำงานร่วมกับ Office 365 ใช้งานได้แทบทุกแพลตฟอร์ม แชท แชร์ไฟล์ แชร์หน้าจอ จดโน๊ต Record การประชุมเพื่อดูย้อนหลังได้ รวมถึงยังสามารถใช้งานบน Web Browser ได้โดยไม่ต้องติดตั้งอีกด้วย

ตารางเปรียบเทียบ

WebEx Zoom Microsoft Team
ระบบประชุมที่สามารถแชร์วิดีโอ, แชร์ภาพหน้าจอ, พูดคุยผ่านแชทได้
สามารถใช้งานได้ทั้งบน Windows, macOS, iOS และ Android
ผู้ควบคุมห้องประชุมสามารถควบคุมเสียง, วิดีโอ และการแชร์หน้าจอของผู้ร่วมประชุมได้
มีระบบ Whiteboard ทดแทนกระดานที่ใช้ในการประชุมได้
สามารถบันทึกการประชุมในรูปแบบวิดีโอได้
มีความสามารถ Remote Control ควบคุมเครื่องปลายทางได้หากได้รับสิทธิ์
หน้าจอบริหารจัดการสร้างห้องประชุมที่ใช้ง่าย ใช้งานได้ผ่าน Web Browser
มีระบบ Virtual Background เปลี่ยนฉากหลังของวิดีโอผู้เข้าร่วมประชุมได้

บทสรุป

เมื่อเราต้องทำงานอยู่บ้าน แต่ยังคงต้องติดต่อสื่อสารกันอยู่ ดังนั้นการเตรียมความพร้อมและรู้ว่าเราต้องมีปัจจัยใดๆ บ้างและเตรียมตัวอย่างไรเพื่อใช้โปรแกรมที่เราถนัดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรจะศึกษาไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เลือกวิธีการทำงานหรือโปรแกรมที่จะใช้ในอนาคต การเตรียมตัวที่ดีจะนำไปสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

 

การเตรียมความพร้อมของอินเทอร์เน็ตก่อนการใช้โปรแกรมประชุมออนไลน์ (WebEx, Team, Zoom) ในช่วงสถานะการ COVID-19
Tagged on: